เว็บอะรัยดีช้อป

เว็บอะรัยดีช้อป
http://www.webaraideeshopping.com/

วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556

หยุดอัพเดท !! นับถอยหลังการหยุดอัพเดทระบบปฏิบัติการ Windows® XP

คอมพิวเตอร์กว่า 7.2ล้านเครื่องในประเทศไทย กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง
 นับถอยหลังการหยุดอัพเดทระบบปฏิบัติการ Windows® XP
ที่มีอายุนานถึง 11 ปี เริ่มแล้ววันนี้
ผู้เชี่ยวชาญเตือนองค์กรธุรกิจและผู้บริโภคควรเตรียมอัพเกรดจาก Windows XP ได้แล้ว
ก่อนถึงเดือนเมษายน ปี 2557





กรุงเทพฯ  10 เมษายน2556---วันนี้ ไมโครซอฟท์ ได้ประกาศแจ้งเตือนลูกค้าทั่วโลกถึงการหยุดปรับปรุงรุ่นและหยุดให้บริการ สนับสนุน สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows XP  นับตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2557 เป็นต้นไป ซึ่งนับจากนี้ เหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 ปี  โดยไมโครซอฟท์ได้แนะนำให้ลูกค้าองค์กรธุรกิจทั้งขนาดเล็กและขนาดกลาง รวมถึงผู้บริโภคที่ยังใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows XP อยู่ ซึ่งมีอายุถึง 11 ปี แล้ว ให้อัพเกรดการใช้งานระบบปฏิบัติการ ได้แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตาม มา


          ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2557 เป็นต้นไป ไมโครซอฟท์ จะหยุดให้บริการแก้ไขอัตโนมัติ ปรับปรุงรุ่นหรือให้ความช่วยเหลือออนไลน์สำหรับ Windows XPซึ่งหมายความว่า ผู้ใช้จะไม่ได้รับการสนับสนุนการปรับปรุงระบบความปลอดภัยที่จะช่วยป้องกัน เครื่องคอมพิวเตอร์จากไวรัส สปายแวร์ และซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายต่างๆ ที่สามารถเจาะเข้าระบบเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้

การใช้งานระบบWindowsXPต่อจากนี้  ก่อให้เกิดความเสี่ยง






นายรชฏ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์วินโดวส์ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัดกล่าว ว่า “ถึงแม้ว่า Windows XP จะเป็นหนึ่งในระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมสูงสุดของไมโครซอฟท์ แต่ระบบดังกล่าวไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรับมือกับความท้าทายในปัจจุบัน เช่น        การเพิ่มขึ้นของภัยคุกคามทางไซเบอร์และความต้องการสำหรับความเป็น ส่วนตัวในการเก็บรักษาข้อมูล ซึ่งแตกต่างจาก Windows® 7 และ Windows®8 การใช้งานระบบWindowsXPต่อไปนี้เปรียบเสมือนกับเรากำลังเดินข้าม ถนนโดยที่ตาทั้งสองข้างของเราปิดอยู่  ปัจจุบันนี้ ความเสี่ยงในด้านความปลอดภัยเป็นสิ่งที่น่ากังวลและน่ากลัวมากที่สุดสำหรับ ผู้บริโภค เนื่องจากการโจมตีนั้นมีหลากหลายรูปแบบและมีความซับซ้อน ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัว อีกทั้งค่าใช้จ่ายแฝงที่เกี่ยวเนื่องกับการสนับสนุนและความต่อเนื่องของ ธุรกิจ”


          เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จากสถิติของ StatCounterพบ ว่า คอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XPคิดเป็นร้อยละ  36.56  ในประเทศไทย หรือประมาณกว่า 7.2ล้านเครื่อง ซึ่งมีจำนวนลดลงภายหลังไมโครซอฟท์เปิดตัว Windows 7 ในเดือนตุลาคม 2552  แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาคเอเชียแล้วยังนับเป็นจำนวนที่สูงอ ยู่  เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของเอเชียซึ่งมีเพียงร้อยละ 34 นอกจากนี้StatCounterยัง เผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในประเทศไทยมีคอมพิวเตอร์ที่อัพเกรดเป็นระบบปฏิบัติการ Windows7 แล้ว  จำนวนร้อยละ 50 และในระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมา ก็มีการอัพเกรดเป็นระบบปฏิบัติการ Windows8 อีกด้วย

          นักวิเคราะห์ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ถึงเวลาแล้วที่ผู้บริโภคควรย้ายและเปลี่ยนรุ่นจากระบบปฏิบัติการที่มีอายุ มากกว่าทศวรรษ  “Windows XP เป็นแพลตฟอร์มหลักที่ทั้งผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจต่างใช้งานมาหลายปี แล้ว” นายไบรอัน มา รองประธาน Client Devices Researchไอดีซี ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก กล่าว “การหยุดให้บริการสนับสนุนต่างๆ สำหรับ Windows XP ก็ใกล้เข้ามาทุกที เพราะฉะนั้น การเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะอัพเกรดไปใช้ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อที่ผู้ใช้จะมั่นใจได้ว่าพวกเขาสามารถใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ได้อย่าง เต็มประสิทธิภาพ” นายไบรอัน กล่าวเพิ่มเติม

ลูกค้าเริ่มย้ายออกจากระบบปฏิบัติการ WindowsXPเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
          จากรายงาน Microsoft’s Security Intelligenceฉบับ ที่ 13 ตีพิมพ์ในเดือน มิถุนายน 2555 ให้ข้อมูลว่า Windows XP รุ่น SP3 มีระบบป้องกันที่ด้อยกว่า Windows 7 SP1 ถึง 3 เท่าตัว    มัลแวร์ ได้กลายเป็นภัยคุกคามที่รุนแรงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งพัฒนาเพิ่มขึ้นจาก 1,000ชนิด ในปี 1991ไปสู่นับล้านชนิด ในปี 2012   โดย ภัยคุกคามคอมพิวเตอร์เหล่านี้รวมถึง ไวรัส, เวิร์ม,โทรจัน  การบุกรุกและเจาะข้อมูล ระบบขโมยรหัสผ่าน สปายแวร์ และซอฟต์แวร์ที่ไม่พึงประสงค์ในรูปแบบ     ต่าง ๆ

          นอกจากปัญหารุนแรงเกี่ยวกับความปลอดภัยแล้ว การใช้ Windows XP ต่อไป ยังเป็นสาเหตุของปัญหาและข้อจำกัดเพิ่มเติมอื่นๆ  เช่น การเข้ารหัส การทำแฮชชิง และ การตรวจสอบตัวตน ในขณะที่ผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระและบราวเซอร์กว่าร้อยละ 60 ไม่รองรับ Windows XP อีกต่อไป

          นายสืบศักดิ์ คมเจษฎา ผู้จัดการฝ่ายสารสนเทศ บริษัท เอ็นอีซี คอร์เปอร์เรชั่นหนึ่งในลูกค้าของบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า  “ถึงแม้ Windows XPจะให้บริการเรามาเป็นระยะเวลาหลายปี แต่เราไม่สามารถใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อย่างเต็มที่อีกต่อไป เพราะอุปกรณ์ไดร์ฟเวอร์ต่างๆ ของWindows XPไม่รองรับการใช้งานนอกจากนี้ระบบการรักษาความปลอดภัยของ Windows XPก็ล้าสมัยเกินกว่าที่จะสามารถปกป้องเราจากไวรัสและมัลแวร์ในปัจจุบันได้ ถ้าเราเลือกที่จะย้ายระบบหลังจากความเสียหายเกิดขึ้น เราอาจต้องเตรียมรับมือกับการสูญเสียค่าใช้จ่าย จำนวนมหาศาล และนี่คือเหตุผลที่เราตัดสินใจย้ายจาก WindowsXP ไปเป็น Windows 7”

          เพื่อให้ความช่วยเหลือองค์กรธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง วันนี้ ไมโครซอฟท์ ได้ประกาศบนเว็บไซต์ Windows Upgrade Centreเพื่อ ที่ลูกค้าจะสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ พร้อมรับฟังความเห็นจากนักวิเคราะห์และลูกค้ารายอื่นในภูมิภาค ไมโครซอฟท์ยังได้แนะนำลูกค้าองค์กรธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง  ให้คอยติดตามข้อเสนอพิเศษจากตัวแทนจำหน่ายในอีก 2-3เดือนข้างหน้า
 ###
ข้อมูลเกี่ยวกับไมโครซอฟท์
          บริษัท ไมโครซอฟท์(NASDAQ “MSFT”) ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2518เป็นผู้นำระดับโลกด้านบริการซอฟต์แวร์ และโซลูชั่นที่ช่วยเสริมสร้างศักยภาพของผู้ใช้และองค์กรธุรกิจ

         บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี2536  บริษัทฯ เสนอซอฟต์แวร์ชั้นนำระดับโลกที่ใช้งานง่ายและเหมาะกับความต้องการ ของผู้ใช้คนไทย ตลอดจนแพลตฟอร์มที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจพัฒนาโซลูชั่นที่ตรงตามความต้องการอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถรองรับได้ตั้งแต่คอมพิวเตอร์โน้ต บุ๊คไปจนถึงเครื่องขนาดใหญ่ระดับเมนเฟรม เพื่อให้สอดคล้องกับการขยายตัวของ จำนวนผู้ใช้คอมพิวเตอร์ในประเทศไทย  หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) http://www.microsoft.com/thailand   

ไมโครซอฟท์เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ  ไมโครซอฟท์ คอร์ป  ประเทศสหรัฐอเมริกา  และหรือประเทศอื่นๆ ชื่อบริษัทและผลิตภัณฑ์ที่มีการกล่าวถึงในเอกสารชุดนี้ อาจจะเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของนั้นๆ

หมายเหตุ:หากท่านต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไมโครซอฟท์สามารถดูได้ที่ http://www.microsoft.com/presspass/ในส่วนของหน้าข้อมูลบริษัท

ที่มา.http://www.i3.in.th/content/view/7295





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม 10 อันดับ