เว็บอะรัยดีช้อป

เว็บอะรัยดีช้อป
http://www.webaraideeshopping.com/

วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

มีอะไรใหม่ใน iOS 8 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด มาดูกันนะครับ

มีอะไรใหม่ใน iOS 8 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด มาดูกันนะครับ
อัปเดตนี้มีคุณสมบัติใหม่ๆ หลายร้อยรายการ ซึ่งรวมถึงรายการต่อไปนี้:

  • การปรับปรุงข้อความ
    • แตะเพื่อพูด ซึ่งสามารถส่งเสียงของคุณ วิดีโอ หรือรูปภาพด้วยการปัดนิ้วเพียงครั้งเดียว
    • ตัวเลือกการส่งข้อความเป็นกลุ่ม ซึ่งสามารถตั้งชื่อการสนทนา เพิ่มรายชื่อ เอารายชื่อออก หรือออกจากการสนทนา
    • มุมมองรายละเอียดใหม่ที่มีห้ามรบกวน การแชร์ตำแหน่งที่ตั้ง และมุมมองไฟล์แนบ
  • การปรับปรุงรูปภาพ
    • เครื่องมือแก้ไขอัจฉริยะ ซึ่งสามารถปรับแสงและสีได้ด้วยการปัดนิ้ว
    • ตัวควบคุมการปรับ ซึ่งสามารถปรับการเปิดรับแสง ความสว่าง ความต่างระดับสี ไฮไลท์ เงา และอื่นๆ
    • การค้นหาตามวันที่ ตำแหน่งที่ตั้ง หรือชื่ออัลบั้ม หรือใช้คำแนะนำอัจฉริยะ
    • อัลบั้มอัจฉริยะสำหรับวิดีโอแบบสโลว์ การถ่ายภาพรัว พาโนรามา และวิดีโอเร่งความเร็ว
    • ฟิลเตอร์รูปภาพและเครื่องมือแก้ไขจากแอปอื่นๆ ที่รองรับโดยตรงในแอปรูปภาพ
    • รูปภาพและเมตาดาตาของคุณจาก iPhoto จะถูกโยกย้ายไปยังแอปรูปภาพ หนังสือ วารสาร และสไลด์โชว์จะถูกแปลงเป็นอัลบั้มที่มีเพียงรูปภาพ อุปกรณ์ที่ใช้งาน iOS 8 ขึ้นไปไม่รองรับ iPhoto สำหรับ iOS
  • การปรับปรุงกล้อง
    • โหมดเร่งความเร็ว
    • ตัวจับเวลาถอยหลังเพื่อถ่ายภาพ
    • ปรับการเปิดรับแสงง่ายๆ เพียงแค่สะกิดเพื่อทำให้รูปภาพสว่างหรือมืดก่อนที่จะถ่ายภาพ
    • โหมดถ่ายภาพรัวที่กล้องหน้าของ iPhone 5s
    • การถ่ายแบบพาโนรามาสำหรับ iPad Air และ iPad mini ที่มีจอแสดงผล Retina

ที่มา..http://www.itday.in.th

Surface Pro 3 สุดยอดแท็บเล็ตที่ทำงานได้เหมือนโน๊ตบุ๊ค

Surface Pro 3 สุดยอดแท็บเล็ตที่ทำงานได้เหมือนโน๊ตบุ๊ค

ตั้งแต่ที่ Apple เปิดตัวแท็บเล็ต iPad ในปี 2010 สินค้าประเภทใหม่ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ความสำเร็จของมันมีมากคงไม่ต้องพูดถึง ในท้องตลาด ปัจจุบันมีแท็บเล็ตยอดนิยมอยู่ 2 ระบบปฏิบัติการใหญ่ๆ คือ iOS และ Android เราไม่ขอพูดถึง Kindle ที่เน้นไปทางด้านการอ่าน e-Book ซะมากกว่า ซึ่งทั้ง iOS และ Android สองค่ายนี้มีแนวทางการพัฒนาที่แตก ต่างกัน แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ ความสามารถในการทำงานที่เพิ่มขึ้น มีแอพฯหลายตัว ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ทำงานแทนที่โน๊ตบุ๊คได้ ซึ่งก็ทำได้ในระดับนึง แต่ว่าปัญหาคือ ทั้งคู่นั้นทำงานได้อย่างดีในระดับที่เป็นการ “เปิดดูไฟล์” และ “การแก้ไขไฟล์เล็กๆ น้อยๆ” หากต้องการทำงานเต็มรูปแบบเราก็ต้องยอมรับว่ายังมีประสิทธิภาพและคุณสมบัติเทียบเท่ากับการใช้งานบนเครื่องโน๊ตบุ๊คไม่ได้
เป็นโอกาสของไมโครซอฟท์ที่จะออกแบบแท็บเล็ตที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งทำงานได้เหมือนกับโน๊ตบุ๊ค โดยไมโครซอฟท์พยายามจะสร้าง Category ใหม่ เป็นอปุกร์ Hybrid ที่ทำงานได้ทั้งรูปแบบแท็บเล็ตและโน๊ตบุ๊ค นั่นคือ Surface Pro แท็บเล็ตรุ่นแรกจากไมโครซอฟท์ที่ทำงานได้เหมือนกับโน๊ตบุ๊ค เปิดตัวในปี 2012 แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ เนื่องจากมีความครึ่งกลางๆ เป็นแท็บเล็ตก็หนักเกินไป เป็นโน๊ตบุ๊คก็ใช้ไม่ถนัด
ไมโครซอฟท์ก็พัฒนาปรับปรุงจนถึงปัจจุบันกับรุ่นล่าสุด Surface Pro 3 ซึ่งผมมองว่าในที่สุดมันก็ลงตัวสักที กับการทำงานทั้ง 2 บทบาทได้อย่างสมบูรณ์
ก่อนจะเข้ารีวิวเจ้า Surface Pro 3 เรามาดูสเป็คของมันกันก่อนสักเล็กน้อยดีกว่า
  • ระบบปฏิบัติการ Windows 8.1 Pro
  • หน้าจอ ClearType แบบ Full HD Plus ขนาด 12 นิ้ว, ความละเอียด 2160 x 1440, อัตราส่วนภาพ: 3:2, การสัมผัส: มัลติทัช
  • ซีพียู Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 4 (i3, i5, i7) พร้อมชิป TPM
  • แรมและหน่วยความจำภายในเครื่อง (แรม DDR3)
    • ที่เก็บข้อมูลขนาด 64 GB หรือ 128 GB พร้อมแรม 4 GB
    • ที่เก็บข้อมูลขนาด 256 GB หรือ 512 GB พร้อมแรม 8 GB
  • กล้องหลังและกล้องหน้าความละเอียด 5MP
  • การเชื่อมต่อแบบไร้สาย Wi-Fi 802.11ac/802.11 a/b/g/n, Bluetooth® 4.0
  • มีพอร์ท USB 3.0 จำนวน 1 ช่อง และช่องอ่านการ์ด microSD
  • แบตเตอรี่ 5,547 mAh 42.2Wh ใช้งานได้ต่อเนื่อง 9 ชั่วโมง
  • ขนาดของตัวเครื่อง 292.1มม. x 201.4มม. x 9.1มม.
  • น้ำหนัก 798 กรัม

ที่มา.http://www.itday.in.th

วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2557

มารู้จัก.DLL, .OCX, ActiveX มันคืออะไรครับ, ต่างกันอย่างไร, แล้วเอาไว้ทำไร

มารู้จัก.DLL, .OCX, ActiveX มันคืออะไรครับ, ต่างกันอย่างไร, แล้วเอาไว้ทำไรกันบ้าง

ภาพประกอบจาก.answers.microsoft.com


แรกเริ่มของการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โปรแกรมเมอร์จะเขียนโปรแกรมหรือทำชุดคำสั่งและข้อมูลที่จำเป็นสำหรับงานั้นๆ ขึ้นมา เก็บไว้เป็น file เมื่อต้องการใช้งาน ก็ให้ OS อ่านข้อมูลจาก file ไปไว้ลงใน memory ของเครื่อง ก็จะเริ่มทำงานได้ตามต้องการ หรือตามที่ได้โปรแกรมไว้

ต่อมา มีการพัฒนาโปรแกรมขึ้นมามากขึ้น โปรแกรมเมอร์แต่ละคน ก็ทำโปรแกรมของตนออกมา ผู้ใช้ก็เก็บไว้ในหน่วยความจำสำรอง หรือ HDD จะใช้อะไรก็ load โปรแกรมนั้นๆ ขึ้นมา จนมี file เต็ม HDD ไปหมด

พอไปดู file จริงๆ ปรากฏว่า มีงานซ้ำซ้อนกันเก็บไว้หลายๆ ที่ เช่น ชุดโปรแกรมย่อยในการคำนวนต่างๆ ข้อมูลที่เป็นภาพ เสียง ฯ เพราะทุกบริษัทต่างๆ ก็มีของพวกนี้เป็นของตัวเอง เวลากระจายโปรแกรมออกสู่ตลาด ก็ต้องเอาของพวกนี้ติดไปพร้อมกับระบบด้วย ไม่เช่นนั้น โปรแกรมก็ทำงานไม่ได้ จึงมีการคิดเรื่องการสร้างชุดคำสั่งมาตราฐาน (Common library routines) ขึ้น เก็บไว้ในเครื่องที่เดียว ทุกคนก็มาเรียกใช้เพื่อลดการใช้ HDD เรียกว่า เป้นการใช้ทรัพยากรร่วมกัน (Sharable resources)

ต่อมา library พวกนี้ก็มีมากขึ้น มีนักพัฒนา library มาขายให้นักพัฒนาโปรแกรมอีกที จะ load ไปว้ในหน่วยความจำทั้งหมดทีเดียว ก็ทำไม่ได้ เพราะหน่วยความจำมีจำกัด เลยมีการออกแบบ dynamic linking library (DLL) ขึ้นมา คือ จะใช้ค่อย load พอเลิกใช้แล้วก็เอาออกจากหน่วยความจำไป แต่ตอนทำงานจริงๆ เรา load DLL ทั้งหมดที่ใช้ขึ้นมา ที่เหลือเป็นหน้าที่ของ OS ว่าจะเอาตัวใหนมาใส่ในหน่วยความจำ (dynamic loading/unloading)

ผู้ที่จะใช้งาน DLL ได้ก็คือโปรแกรมเมอร์ ผู้สร้างโปรแกรมใช้งาน ถ้าโปรแกรมของเราต้องใช้ DLL สัก 20 files เราต้องมีให้ครบ ไม่เช่นนั้น โปรแกรมจจะทำงานไม่ได้ ใน sub dir \windows\system32 มี DLL มาตราฐานของ Microsoft Windows ให้ใช้เป็นร้อย ทำให้โปรแกรมที่ทำงานบน Windows มีขนาดเล็ก แต่ทำงานได้มาก เพราะจริงๆ ไปเรียกใช้ DLL เสียเป็นส่วนมาก

ต่อมา มีคนคิดว่า งานบางอย่าง เช่น ปุ่มกด ช่องกรอกข้อมูล ฯ งานพวกนี้ก็มีอยู่ในโปรแกรมใช้งานเกือบทุกโปรแกรม แต่ละบริษัทก็ออกแบบสร้างของตัวเองขึ้นมา ถ้าสามารถทำเป็นมาตราฐาน แยกเป็น applicaion ย่อยๆ ที่สามารถเรียกใช้ได้จากโปรแกรมหลักได้ การสร้างโปรแกรมใช้งานก็จะง่ายขึ้น คือ เรียกใช้ ไม่ต้องไปเขียนใหม่ เกิดเป็น user control component (VBX) ในการพัฒนาโปรแกรมบนรูปแบบ visual design

User control แตกต่างจาก DLL ตรงที่มันเป็นโปรแกรมใช้งานโปรแกรมหนึ่งทีเดียว ไม่ใช่แค่ library ให้ load เอามาใช้งานเหมือน DLL เวลาเรียกใช้งาน มันจะจองเนื้อที่บนหน้าจอเพื่อแสดงผล รับข้อมูลจากผู้ใช้ และสื่อสารกับโปรแกรมหลัก เหมือนจะแยกตัวออกเป็นอิสระ แต่ VBX ใช้งานได้กับโปรแกรม Visual Basic เท่านั้น

ActiveX ก็คือ applet หรือโปรแกรมเล็กๆ ทำงานอิสระ เป็นตัวของตัวเอง เป็นผู้ให้บริการโปรแกรมอื่นๆ ในระบบ เป็นแนวความคิดที่ขยายผลมาจาก DLL และ User control ให้ทุกๆ โปรแกรมที่พัฒนาจากทุกภาษาสามารถเรียกใช้ได้ หรือ พยายามสร้างให้เป็นมาตราฐานขึ้นมาเหมือน DLL เป็นทั้ง library และ User control พัฒนาต่อเนื่องมาจากเทคโนโลยี OLE และ DDE อีกที

File ActiveX มีนามสกุลเป็น DLL และ OCX ที่จริงก็คือตัวเดียวกัน เปลี่ยนนามสกุลเฉยๆ ทำงานบนมาตราฐานของ DLL เดิม แต่มีการเพิ่มมาตราฐานการสื่อสารระหว่างโปรแปรแกรมหลักับตัว ActiveX

ยกตัวอย่าง ActiveX ตัวหนึ่ง เป็นโปรแกรมแปลภาษาไทยเป็นอังกฤษ เราจะต้องลงทะเบียน ActiveX ตัวนี้ในระบบก่อน แล้วเราสามารถเรียก ActiveX ตัวนี้มาเป็นตัวช่วยในโปรแกรมเราได้ ต้องทำการถาม ActiveX ว่า มีอะไรให้เรียกใช้ได้บ้าง (Query Interface) แล้วก็ทำการสื่อสารกับมันผ่านระบบการสื่อสารข้อมูลระหว่างโปรแกรม (DDE) โปรแกรมหลักก็จะโยนข้อมูลไปที่ OCX แล้วมันจะตอบกลับมา ผลก็คือ เราได้ภาษาอังกฤษจากภาษาไทยที่เราส่งไปตามความต้องการ โดยเราไม่ต้องไปเขียนโปรแกรมแปลภาษาเอง

ส่วน ActiveXที่เป็น user control ทำงานเหมือน VBX ทุกประการ

เหมือนกับว่า เราไม่ได้ทำงานคนเดียว มีผู้ช่วยระดับผู้เชี่ยวชาญเป็นร้อยอยู่รอบๆ เราสามารถสอบถาม OS ได้ว่า ตอนนี้มี ActiveX อะไรอยู่ในเครื่องเราบ้าง แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว การใช้งานโปรแกรมหลักกับ ActiveX component ก็ต้องมีคู่มือเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจะไปเรียกใช้อะไรได้ง่ายๆ

ตัว ActiveX นี่เราสามารถติดตั้งตัวมันไว้ที่เครื่องใหนใน network เดียวกันก็ยังได้ เพราะจริงๆ แล้ว มันแยกกันทำงานเด็ดขาดจากโปรแกรมหลัก เอาไปไว้บนดาวเที่ยมก็ยังได้ ใช้การสื่อสารบนเครือข่ายแทนที่จะให้มันคุยในเครื่องเดียวกัน โดยโปรแกรมเราไม่ต้องไปทำอะไรเลย ไปกำหนดที่อยู่ของตัว ActiveX เอาใน configuration ของ OS เป็นการป้องกันความลับของ code หรือ algorithm ได้เป็นอย่างดี เพราะไม่ต้องส่ง file ไปหร้อมกับ product


ที่มา..http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=4180ae23a91d0e6e

ความหมายของเอ่อเร่อหน้าจอสีฟ้าในWindows XP




แนวทางและการแก้ไขเมื่อทานเจอหน้าจอสีฟ้า


คำว่า Blue Screen คนเล่นคอม จะรู้จักดีและเป็นสิ่งที่ทุกคนกลัวไม่อยากให้เกิดกับเครื่องของตน เพราะถ้าเกิดนั้นเป็นสัญญาณบอกเหตุว่าคอมของตนเริ่มมีปัญหา แต่ที่น่าเจ็บใจคือมันบอกเป็นเลขรหัสที่เราๆ ท่านๆ ต้องงงเพราะไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร และจะมีทางแก้ไขอย่างไร ป่านไปค้นหามาว่าแต่ละตัวมีความหมายอย่างไร (ไปหาเจอในเวบหนึ่ง จำลิ้งไม่ได้ละ)มาให้คุณๆ ได้อ่าน คิดว่าน่าจะเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาได้บ้าง  รหัสที่แจ้งของ Blue Screen จริงๆมีเกินร้อยตัวเลย

1.(stop code 0X000000BE) Attempted Write To Readonly Memory
สาเหตุและแนวทางแก้ไข: อาการนี้เกิดจากการลง driver หรือ โปรแกรม หรือ service ที่ผิดพลาด เช่น ไฟล์บางไฟล์เสีย ไดร์เวอร์คนละรุ่นกัน ทางแก้ไขให้ uninstall 
โปรแกรมตัวที่ลงก่อนที่จะเกิดปัญหานี้ ถ้าเป็นไดร์เวอร์ก็ให้ทำการ roll back ไดร์เวอร์ตัวเก่ามาใช้ หรือ หาไดร์เวอร์ที่ล่าสุดมาลง (กรณีที่มีใหม่กว่า) ถ้าเป็น
พวก service ต่างๆที่เราเปิดก่อนเกิดปัญหาก็ให้ทำการปิด หรือ disable ซะ

2.(stop code 0X000000C2) Bad Pool Caller
สาเหตุและแนวทางแก้ไข: ตัวนี้จะคล้ายกับตัวข้างบน แต่เน้นที่พวก hardware คือเกิดจากอัฟเกรดเครื่องพวก Hardware ต่าง เช่น ram ,harddisk การ์ดต่างๆ ไม่ 
compatible กับ XP ทางแก้ไขก็ให้เอาอุปกรณ์ที่อัฟเกรดออก ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็ให้ลงไดร์เวอร์ หรือ อัฟเดท firmware ของอุปกรณ์นั้นใหม่ และคำ
เตือนสำหรับการจะอัฟเดท ให้ปิด anti-virus ด้วยนะครับ เดียวมันจะยุ่งเพราะพวกโปรแกรม anti-virus มันจะมองว่าเป็นไวรัส
สาเหตุและแนวทางแก้ไข: อาการนี้เกิดจากการส่งข้อมูลที่เรียกว่า BUS ของฮาร์ดแวร์เสียหาย ซึ่งได้แก่ ระบบแรม ,cache L2 ของซีพียู , เมมโมรีของการ์ดจอ, ฮาร์ดดิสก์ทำงาน
หนักถึงขั้น error (ร้อนเกินไป) และเมนบอร์ดเสีย 

3.(stop code 0X000000D1)Driver IRQL Not Less Or Equal
สาเหตุและแนวทางแก้ไข: อาการไดร์เวอร์กับ IRQ(Interrupt Request ) ไม่ตรงกัน การแก้ไขก็เหมือนกับ error ข้อที่ 1

4. (stop code 0X0000009F)Driver Power State Failure 
สาเหตุและแนวทางแก้ไข: อาการนี้เกิดจาก ระบบการจัดการด้านพลังงานกับไดรเวอร์ หรือ service ขัดแย้งกัน เมื่อคุณให้คอมทำงานแบบ"hibernate" แนวทางแก้ไข ถ้า
วินโดวส์แจ้ง error ไดร์เวอร์หรือ service ตัวไหนก็ให้ uninstall ตัวนั้น หรือจะใช้วิธี Rollback driver หรือ ปิดระบบจัดการพลังงานของวินโดวส์ซะ 

5.(stop code 0X000000CE) Driver Unloaded Without Cancelling Pending 
Operations
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการไดร์เวอร์ปิดตัวเองทั้งๆ ทีวินโดวส์ยังไม่ได้สั่ง การแก้ไขให้ทำเหมือนข้อ 1

6.(stop code 0X000000F2)Hardware Interrupt Storm 
สาเหตุและแนวทางแก้ไข: อาการที่เกิดจากอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เช่น USB หรือ SCSI controller จัดตำแหน่งกับ IRQ ผิดพลาด สาเหตุจาก
ไดร์เวอร์หรือ firmware การแก้ไขเหมือนกับข้อ 1

7.(stop code 0X0000007B)Inaccessible Boot Device
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการนี้จะมักเจอตอนบูตวินโดวส์ จะมีข้อความบอกว่าไม่สามารถอ่านข้อมูลของไฟล์ระบบหรือ boot partitions ได้ ให้ตรวจฮาร์ดดิสก์ว่าปกติหรือไม่ สาย
แพหรือสายไฟที่เข้าฮาร์ดดิสก์หลุดหรือไม่ ถ้าปกติดีก็ให้ตรวจไฟล์ boot.ini อาจจะเสีย หรือไม่ก็มีการทำงานแบบmulti OS ให้ตรวจดูว่าที่ไฟล์นี้อาจเขียน 
config ของ OS ขัดแย้งกัน
อีกกรณีหนึ่งที่เกิด error นี้ คือเกิดขณะ upgrade วินโดวส์ สาเหตุจากมีอุปกรณ์บางตัวไม่ compatible ให้ลองเอาอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นหรือคิดว่ามีปัญหาออก เมื่อทำการ upgrade วินโดวส์ เรียบร้อย ค่อยเอาอุปกรณ์ที่มีปัญหาใส่กลับแล้วติดตั้งด้วยไดร์เวอร์รุ่นล่าสุด

7. (stop code 0X0000007A) Kernel Data Inpage Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการนี้เกิดมีปัญหากับระบบ virtual memory คือวินโดวส์ไม่สามารถอ่านหรือเขียนข้อมูลที่ swapfile ได้ สาเหตุอาจเกิดจากฮาร์ดดิสก์เกิด bad 
sector, เครื่องติดไวรัส, ระบบ SCSI ผิดพลาด, RAM เสีย หรือ เมนบอร์ดเสีย

8. (stop code 0X00000077) Kernel Stack Inpage Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการและสาเหตุเดียวกับข้อ 9
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการนี้เกิดการทำงานที่ผิดพลาดของไดร์เวอร์ หรือ service กับ หน่วยความจำ และ IRQ ถ้ามีรายชื่อของไฟล์หรือ service แสดงออกมากับ 
error นี้ให้ทำการ uninstall โปรแกรมหรือทำการ roll back ไดร์เวอร์ตัวนั้น
ถ้ามีการแจ้งว่า error ที่ไฟล์ win32k สาเหตุเกิดจาก การ control software ของบริษัทอื่นๆ (Third-party) ที่ไม่ใช้ของวินโดวส์ ซึ่งมักจะเกิดกับพวก Networking และ Wireless เป็นส่วนใหญ่
Error นี้อาจจะเกิดสาเหตุอีกอย่าง นั้นคือการ run โปรแกรมต่างๆ แต่หน่วยความจำไม่เพียงพอ
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการนี้เกิดการทำงานผิดพลาดของ Hardware Abstraction Layer (HAL) มาทำความเข้าใจกับเจ้า HAL ก่อน HAL มีหน้าที่
เป็นตัวจัดระบบติดต่อระหว่างฮาร์ดแวร์กับซอฟท์แวร์ว่าแอปพลิเคชั่นตัวไหนวิ่งกับอุปกรณ์ตัวไหนให้ถูกต้อง ยกตัวอย่าง คุณมีซอฟท์แวร์ที่ออกแบบไว้ใช้กับ Dual CPU 
มาใช้กับเมนบอร์ดที่เป็น Single CPU วินโดว์ก็จะไม่ทำงาน วิธีแก้คือ reinstall วินโดวส์ใหม่
สาเหตุอีกประการการคือไฟล์ที่ชื่อ NToskrnl.exe หรือ Hal.dll หมดอายุหรือถูกแก้ไข ให้เอา Backup ไฟล์ หรือเอา original ไฟล์ที่
คิดว่าไม่เสียหรือเวอร์ชั่นล่าสุดก๊อปปี้ทับไฟล์ที่เสีย 

9.(stop code 0X0000003F)No More System PTEs
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการนี้เกิดจากระบบ Page Table Entries (PTEs) ทำงานโดย Virtual Memory Manager (VMM) ผิดพลาด ทำ
ให้วินโดวส์ทำงานโดยไม่มี PTEs ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับวินโดวส์ อาการนี้มักจะเกิดกับการที่คุณทำงานแบบ multi monitors
ถ้าคุณเกิดปัญหานี้บ่อยครั้ง คุณสามารถปรับแต่ง PTEs ได้ใหม่ ดังนี้
1. ให้เปิด Registry ขึ้นมาแก้ไข โดยไปที่ Start > Run แล้วพิมพ์คำสั่ง Regedit
2. ไปตามคีย์นี้ HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Control\Session 
Manager\Memory Management
3. ให้ดูที่หน้าต่างขวามือ ดับคลิกที่ PagedPoolSize ให้ใส่ค่าเป็น 0 ที่ Value data และคลิก OK
4. ดับเบิลคลิกที่ SystemPages ถ้าคุณใช้ระบบจอแบบ Multi Monitor ให้ใส่ค่า 36000 ที่ Value data หรือใส่ค่า 40000 
ถ้าเครื่องคุณมี RAM 
128 MB และค่า 110000 ในกรณีที่เครื่องมี RAM เกินกว่า 128 MB แล้วคลิก OK 
รีสตาร์ทเครื่อง

10.(stop code 0X00000024) NTFS File System
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการนี้สาเหตุเกิดจากการรายงานผิดพลาดของ Ntfs.sys คือไดร์เวอร์ของ NTFS อ่านและเขียนข้อมูลผิดพลาด สาเหตูนี้รวมถึง การทำงานผิดพลาดของ 
controller ของ IDE หรือ SCSI เนื่องจากการทำงานของโปรแกรมสแกนไวรัส หรือ พื้นที่ของฮาร์ดดิสก์เสีย คุณๆสามารถทราบรายละเอียด
ของerror นี้ได้โดยให้เปิดดูที่ Event Viewer วิธีเปิดก็ให้ไปที่ start > run แล้วพิมพ์คำสั่ง eventvwr.msc เพื่อเปิดดู Log 
file ของการ error โดยให้ดูการ error ของ SCSI หรือ FASTFAT ในหมวด System หรือ Autochk ในหมวด 
Application 
 
11.(stop code 0X00000050)Page Fault In Nonpaged Area
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการนี้สาเหตุการจากการผิดพลาดของการเขียนข้อมูลในแรม การแก้ไขก็ให้ทำความสะอาดขาแรมหรือลองสลับแรมดูหรือไม่ก็หาโปรแกรมที่ test แรมมาตรวจว่า
แรมเสียหรือไม่

12.(stop code 0Xc0000221)Status Image Checksum Mismatch
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการนี้สาเหตุมาจาก swapfile เสียหายรวมถึงไดร์เวอร์ด้วย การแก้ไขก็เหมือนข้อ 15

13.(stop code 0X000000EA) Thread Stuck In Device Driver 
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการของ error  นี้คือการทำงานของเครื่องจะทำงานในแบบวนซ้ำๆ กันไม่สิ้นสุด เช่นจะรีสตาร์ทตลอด หรือแจ้งerror อะไรก็ได้ขึ้นมาไม่หยุด ปัญหานี้ 
สาเหตุอาจจะเกิดจาก bug ของโปรแกรมหรือสาเหตุอื่นๆ เป็นร้อย การแก้ไขให้พยายามทำตามนี้
1.ให้ดูที่  power supply ของคุณว่าจ่ายกำลังไฟเพียงพอกับความต้องการของคอมคุณหรือไม่ ให้ดูว่าในเครื่องคุณมีอุปกรณ์มากไปไม่เหมาะกับ power 
supply ของคุณ ก็ให้เปลื่ยนตัวใหม่ให้กำลังมากขึ้น 
หรือตรวจดูชิ้นส่วนเครื่อง ตัว Capacitor ที่เมนบอร์ดตัวที่จ่ายไฟเลี้ยง CPU ว่าบวมไหม
2. ให้คุณดูที่การ์ดจอว่าได้ใช้ไดร์เวอร์ตัวล่าสุด ถ้าแน่ใจว่าใช้ตัวล่าสุดแล้วยังมีอาการ ก็ให้ทำการ Rollback ไดร์เวอร์ตัวก่อนที่จะเกิดปัญหา
3. ตรวจดูการ์ดจอและเมนบอร์ดว่าเสียหรือไม่เช่น มีรอยไหม้, ลายวงจรขาด มีชิ้นสวนบางชิ้นหลุดจากตำแหน่งเดิม เป็นต้น
4. ดูที่ bios ว่าส่วนของ  VGA slot เลือกโหมด 4x,8x ถูกตามสเปกของการ์ดหรือไม่
5. เช็คดูที่ผู้ผลิตเมนบอร์ดว่ามีไดร์เวอร์ตัวใหม่หรือไม่ ถ้ามีให้โหลดลงใหม่ซะ
6. ถ้าคุณมีการ์ดแลนหรือเมนบอร์ดของคุณมี on board อยู่ให้ disable ฟังก์ชั่น "PXE Resume/Remote Wake Up" โดย
ไปปิดที่ BIOS 

14. (stop code 0X0000007F) unexpected Kernel Mode Trap 
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกับนัก overclock (ผมก็คนหนึ่ง) เป็นอาการ RAM ส่งข้อมูลให้ CPU ไม่สัมพันธ์กันคือ CPU วิ่งเร็วเกินไป หรือร้อนเกินไป
สาเหตุเกิดจากการ overclock วิธีแก้ก็คือลด clock ลงมาให้เป็นปกติ หรือ หาทางระบายความร้อนจาก CPU ให้มากที่สุด 

15. (stop code 0X000000ED)Unmountable Boot Volume 
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:อาการที่วินโดวส์หาฮาร์ดดิสก์ไม่เจอ (ไม่ใช่ตัวบูตระบบ) ในกรณีที่คุณมีฮาร์ดดิสก์หลายตัว หนึ่งในนั้นคุณอาจใช้สายแพของฮาร์ดดิสก์ผิด เช่น ฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ 
33MB/secound ซึ่งต้องใช้สายแพ 40 pin แต่คุณเอาแบบ 80 pin ไปต่อแทน

16. (STOP 0x0000008e" error message during Windows XP setup 
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:แรมที่ใช้อยู่มีปัญหาหรือแรมใหม่ที่นำมาใส่เกิดความไม่เข้ากันของฮาร์ดแวร์   ให้ลองเปลี่ยนแรมใหม่มาใส่ดูหรือไฟจ่ายไม่สม่ำเสมอให้ลองเปลี่ยนพาวเวอร์ซัพพลา

หัวข้ออาจจะไม่ตรงกันนะครับ ผมเอามาเรียงหัวข้อใหม่...


การแก้ไขปัญหาข้อผิดพลาดหน้าจอสีน้ำเงินใน Windows


การแก้ไขปัญหาข้อผิดพลาดหน้าจอสีน้ำเงินใน Windows
ข้อผิดพลาดหน้าจอสีน้ำเงิน (บางครั้งก็เรียกว่าข้อผิดพลาดหน้าจอสีดำหรือข้อผิดพลาดรหัส STOP) สามารถเกิดขึ้นได้ถ้ามีปัญหาร้ายแรงที่ทำให้ Windows ปิดเครื่องหรือเริ่มระบบของคอมพิวเตอร์ใหม่โดยไม่คาดคิด คุณอาจเห็นข้อความที่ระบุว่า "Windows ถูกปิดการทำงานเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์ของคุณ"
ข้อผิดพลาดเหล่านี้อาจมีสาเหตุจากปัญหาทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ถ้าคุณเพิ่มฮาร์ดแวร์ใหม่ลงในพีซีของคุณก่อนที่จะเกิดข้อผิดพลาดหน้าจอสีน้ำเงิน ให้ปิดเครื่องพีซี ถอดฮาร์ดแวร์นั้นออก แล้วลองเริ่มต้นระบบใหม่ คุณสามารถลองใช้วิธีต่อไปนี้ได้เช่นกัน
  • รับการปรับปรุงล่าสุดทั้งหมดด้วย Windows Update
  • รับความช่วยเหลือจากแหล่งอื่นๆ
  • ลองคืนค่า Windows กลับไปยังช่วงเวลาก่อนหน้านี้
  • อ่าน การแก้ไขข้อผิดพลาดการหยุด (จอฟ้า) ใน Windows 7 เพื่อดูเคล็ดลับการแก้ไขปัญหาที่อาจมีประโยชน์ แม้ว่าคุณจะไม่ได้ใช้ Windows 7 อยู่ก็ตาม

การรับการปรับปรุงล่าสุด

ทำตามขั้นตอนสำหรับ Windows รุ่นของคุณ

ในระบบปฏิบัติการรุ่นที่เก่ากว่า Windows 8

  • คลิกปุ่ม 'เริ่ม' รูปภาพของปุ่ม 'เริ่ม' แล้วคลิก โปรแกรมทั้งหมด จากนั้นคลิก Windows Update

ใน Windows 8 และ Windows 8.1

  1. ปัดนิ้วเข้ามาจากขอบขวาของหน้าจอ แตะ การตั้งค่า แล้วแตะ เปลี่ยนการตั้งค่าพีซี
    (ถ้าคุณใช้เมาส์ ให้ชี้ไปที่มุมบนขวาของหน้าจอ ย้ายตัวชี้เมาส์ลง แล้วคลิก การตั้งค่า จากนั้นคลิก เปลี่ยนการตั้งค่าพีซี)
  2. แตะหรือคลิก ปรับปรุงและกู้คืน แล้วแตะหรือคลิก Windows Update
  3. แตะหรือคลิก ตรวจสอบเดี๋ยวนี้ แล้วรอสักครู่ขณะที่ Windows ค้นหาการปรับปรุงล่าสุดสำหรับพีซีของคุณ
  4. ถ้า Windows พบการปรับปรุง ให้แตะหรือคลิก ติดตั้งการปรับปรุง ต้องการสิทธิระดับผู้ดูแล คุณอาจได้รับข้อความให้ใส่รหัสผ่านของผู้ดูแลหรือยืนยันตัวเลือกของคุณ
    อ่านและยอมรับเงื่อนไขการอนุญาตให้ใช้สิทธิ แล้วแตะหรือคลิก เสร็จสิ้น ถ้าการปรับปรุงนั้นกำหนดไว้ Windows Update จะบอกคุณว่าติดตั้งการปรับปรุงสำเร็จหรือไม่

การรับความช่วยเหลือจากแหล่งอื่นๆ

ถ้าข้อเสนอแนะในที่นี้แก้ไขปัญหาที่คุณพบไม่ได้ คุณสามารถรับความช่วยเหลือจากการสนับสนุนของ Microsoft และชุมชนของ Microsoft การสนับสนุนของ Microsoft นำเสนอวิธีที่หลากหลายในการรับความช่วยเหลือด้านเทคนิคเกี่ยวกับ Windows รุ่นต่างๆ เพจชุมชนของ Microsoft ในฟอรั่ม Windows จะให้วิธีแก้ไขปัญหาที่ผู้อื่นพบ
ถ้าพีซีของคุณมาพร้อมกับ Windows ซึ่งติดตั้งไว้ล่วงหน้าแล้ว โปรดติดต่อผู้ผลิตพีซี

การคืนค่า Windows กลับไปยังช่วงเวลาก่อนหน้านี้

คุณสามารถคืนค่า Windows กลับไปยังช่วงเวลาก่อนหน้านี้ได้ ซึ่งเรียกว่าจุดคืนค่า 'การคืนค่าระบบ' ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแฟ้มส่วนบุคคลของคุณ แต่อาจเอาแอปและโปรแกรมควบคุมที่ติดตั้งเมื่อเร็วๆ นี้ออก

ในระบบปฏิบัติการรุ่นที่เก่ากว่า Windows 8

  • เปิด 'แผงควบคุม' แล้วพิมพ์คำว่า การคืนค่าระบบ ลงในกล่องค้นหา ในผลลัพธ์ที่ส่งกลับมา ให้คลิก สร้างจุดคืนค่า แล้วคลิก การคืนค่าระบบ ในกล่องโต้ตอบที่ปรากฏขึ้น จากนั้นให้ทำตามคำแนะนำ

ใน Windows 8 และ Windows 8.1

  1. ปัดนิ้วเข้ามาจากขอบขวาของหน้าจอ แล้วแตะ ค้นหา
    (ถ้าคุณใช้เมาส์ ให้ชี้ไปที่มุมบนขวาของหน้าจอ ย้ายตัวชี้เมาส์ลง แล้วคลิก ค้นหา)
  2. ใส่คำว่า แผงควบคุม ในกล่องค้นหา แล้วแตะหรือคลิก แผงควบคุม
  3. ใส่คำว่า การกู้คืน ในกล่องค้นหาของ 'แผงควบคุม' แล้วแตะหรือคลิก การกู้คืน
  4. แตะหรือคลิก เปิดการคืนค่าระบบ แล้วทำตามคำแนะนำ


    ที่มา วีดีโอ http://www.youtube.com/watch?v=znHX2mdj8Lk

    แนะนำโดยของ  ReviverSoft
    Registry Reviver จะพบและแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุดได้อย่างรวดเร็วง่ายดายและปลอดภัย..

บทความที่ได้รับความนิยม 10 อันดับ